Share

หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โลกหนกขู..ที่ไม่น่ารื่นรมย์

"กาบค่าวคร้าบ..กาบค่าว"    เสียงชายหนุ่มพูดจาไม่ชัดนัก จนไปถึงไม่รู้เรื่องว่าพูดอะไร ดังผ่านเครื่องขยายเสียง เรียกทั้งความสนใจ เชิญชวน และน่ารำคาญ
    ไม่ใช่อะไรอื่นไกล หากแต่เป็น รถยนต์ขายกับข้าว หรือบางทีก็ขายอย่างอื่น บ้างก็ขายผลไม้ บ้างก็ขายแต่ข้าวสาร




    แต่เหนือสิ่งอื่นใด อย่างเดียวที่พวกเขาเหมือนกัน คือ "เสียงดัง" จากเครื่องขยายเสียง
    บางคันก็มาแหกปากขายของกันแต่เช้า
    "ส้มจ้า ส้ม 3 โล ห้าสิบ 6 โล ร้อย จ้า" (มันต่างกันตรงไหนว่ะ นึกว่าซื้อ 6 กิโลกรัมจะได้ราคาต่ำกว่า 100 บาท)


    ประเภทโฆษณาเรียกลูกอย่างเดียวก็กวนประสาทพอแล้ว เจอประเภทติดไมค์ เป็นโรค "ไมโครโฟนลิซึ่ม" ละก็ ฟังไม่จืดเลยทีเดียวล่ะครับ เพราะพี่แกจะสนทนากับลูกค้าผ่านไมโครโฟน ประหนึ่งว่า ต้องการให้ทั้งซอยรับรู้ถึงชั้นเชิงทางธุรกิจของแกเหลือเกิน
    เคยอยากตะโกนกลับไป เพื่อต่อสู้จากเสียงที่แผดออกจากลำโพงรถขายของเหล่านั้นว่า "กูไม่ซื้อโว้ย ไปไกลๆ คนจะนอน" ก็เกรงว่าจะได้ของที่เขาขายมาอยู่บนบ้านฟรีๆ แต่วิธีการส่งของอาจจะรุนแรงไปบ้าง


    วันก่อน นั่งทานข้าวอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน ก็มีเจ้ารถพวกนี้มาจอดขาย แต่เฮียเจ้านี้ แกมีเจ้าของร้านเป็นลูกค้าประจำ จึงไม่จำเป็นต้องส่งเสียงเรียกกันให้เหนื่อย
    ผมนั่งมองแล้วให้คิด รถขายของพวกนี้ เขาอยู่กันได้อย่างไร มีกำไรแค่ไหน ในยุคที่น้ำมันแพงขนาดนี้
    แต่เมื่อฟังคำตอบจากเจ้าของร้านอาหารที่ซื้อวัตถุดิบจากร้านขายของเคลื่อนที่เหล่านี้แล้ว ก็ทราบว่ามีคนซื้อเยอะอยู่เหมือนกัน เพราะราคาไม่ได้ต่างจากการออกไปซื้อเองข้างนอก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่าง กทม. ที่เมื่อชั่งน้ำหนักกับการที่ต้องเสียเวลา เสียค่ารถออกไปซื้อเองแล้ว การเลือกซื้อจากรถขายของที่เข้ามาขายให้ถึงที่บ้าน ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
    เรียกได้ว่า รถขายของเช่นนี้ เป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่โชห่วย น่าจะเอาไปปรับใช้ในการต่อสู้กับห้างข้ามชาติ นอกจากการรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐ



    แต่ขอร้องว่า อย่ามีเครื่องขยายเสียงเลย เพราะหากคิดแบบมองโลกในแง่ร้ายสุดๆ หากโชห่วยไม่ได้นำไปเป็นกรณีศึกษา แต่เลียนแบบมาทั้งดุ้น (เหมือนอย่างที่คนไทยชอบทำกันนัก เห็นอะไรขายได้ ก็ลอกกันมาทั้งอย่างนั้น)
    ก็คงไม่น่ารื่นรมย์นัก เพราะเมืองใหญ่หลายเมืองในประเทศไทย โดยเฉพาะ กทม. ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่น่า "หนกขู" อยู่แล้ว (ยืมคำมาจาก โตมร ศุขปรีชา จากหนังสือ รื่นรมย์ในโลกหนกขู)

    ขืนมีรถขายของเกือบร้อยมาแข่งกันขายของผ่านไมโครโฟน เครื่องขยายเสียง และลำโพง จนเสียงดังลั่นซอย ซ้ำเติมเข้าไปอีก    งานนี้ ผมคงทนไม่ไหว ขอแหกปากบอกกันไปให้ทราบกันถ้วนหน้าเลยว่า
    "ไม่ซื้อโว้ย..ไปไกลๆ"
    "ทั้งหมดนั่นแหละ !! "



-----------------------


ปล.๑ เขียนครั้งแรกใน http://www.oknation.net/blog/jezt/2008/01/17/entry-1
ปล.๒ สนใจอ่านแนะนำหนังสือ "รื่นรมย์ในโลกหนกขู" ที่ http://dekchildkong.blogspot.com/2010/11/blog-post_4503.html

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More